วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สมองอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์แตกต่างจากคนธรรมดาอย่างไร???

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นคนชาญฉลาดระดับอัจฉริยะที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ทุกคนถึงอยากรู้อยากเห็นมากว่า สมองของคนระดับนี้แตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไร

ความพยายามหาคำตอบให้กับคำถามดังกล่าวมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเสียชีวิตลงใหม่ๆในปีค.ศ.1955 (พ.ศ.2498) แต่ไม่ประสบผล

เพิ่งจะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เองที่ภาพถ่ายสมองของไอน์สไตน์ที่ไม่เคยมีการตีพิมพ์เผยแพร่ที่ไหนมาก่อนทั้งหมดได้รับการตรวจวิเคราะห์ทั้งนี้แซนดรา วิทเทลสัน นักประสาทวิทยาชื่อดังจากสำนักการแพทย์ ไมเคิล จี. เดอกรูท ในสังกัดมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ในแคว้นออนทาริโอ ทางตะวันออกของแคนาดา ยืนยันว่า ในทางวิชาการ มีความเชื่อมโยงกันมากอย่างยิ่งระหว่างสภาพทางกายภาพของสมอง กับศักยภาพเชิงปัญญาของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเท่ากับว่า การตรวจสอบสมองของไอน์สไตน์ ไม่เพียงช่วยไขข้อกังขาดังกล่าวแล้วยังจะอำนวยความรู้ทรงคุณค่าในเชิงวิทยาศาสตร์อีกด้วย

ตอนที่ไอน์สไตน์เสียชีวิตลงใหม่ๆไม่กี่ชั่วโมงของวันที่ 18 เมษายน 1955 โธมัส ฮาร์วีย์ พยาธิแพทย์ ประจำโรงพยาบาลพรินซ์ตัน จัดการผ่าเอาสมองของเขาออกมาเก็บไว้โดยไม่ได้ขอ และไม่ได้รับอนุญาตจากญาติ เมื่อผ่าออกมาแล้ว ฮาร์วีย์ถ่ายภาพของสมองเอาไว้เป็นจำนวนหลายสิบภาพ หลังจากนั้นก็ตัดแบ่งก้อนสมองออกเป็นส่วนๆ รวม 240 ส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการดองเก็บรักษาเอาไว้

ฮันส์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ บุตรชายของไอน์สไตน์ได้แต่จำเป็นต้องให้ความเห็นชอบหลังจากมีการผ่าแล้ว ภายใต้ข้อแม้ที่ว่า สมองดังกล่าวจะต้องใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยและตีพิมพ์เผยแพร่ในจุลสารวิชาการเท่านั้น

แต่ฮาร์วีย์กลับเก็บสมองของไอน์สไตน์ไว้เป็นของตนเองยอมแลกแม้กับการต้องถูกไล่ออกจากงานในเวลาต่อมาท่ามกลางเสียงเรียกร้องของนักวิทยาศาสตร์และนักศึกษาวิจัยเป็นจำนวนมากที่ต้องการศึกษาสมองพิเศษก้อนนั้น จนในที่สุด ฮาร์วีย์ก็ยินยอมแจกจ่ายชิ้นส่วนของสมองออกไปบ้างเป็นครั้งคราว อย่างเช่นให้กับ มาเรียน ไดมอนด์ นักประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์คเลย์ ในปี 1985 และ แซนดร้า วิทเทลสัน ในปี 1995 เป็นต้น

ฮาร์วีย์และวิทเทลสัน ร่วมกันศึกษาสมองของไอน์สไตน์มาด้วยกันอยู่ระยะหนึ่ง ในปี 1999 ทั้งสองเผยแพร่การค้นพบที่ว่า สมองในส่วน "แพรีทัล โหลบ" ของไอน์สไตน์นั้นแตกต่างไปจากของคนทั่วไปเพราะกว้างกว่าปกติ สมองส่วนตัวกล่าวเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในเชิงคณิตศาสตร์ วิสัยทัศน์ และจินตภาพพิเศษ นอกจากนั้นยังไม่มีร่องที่ปกติมักมีอยู่ในสมองส่วนดังกล่าว ซึ่งเชื่อกันว่า ทำให้มีการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทของสมองมากกว่าปกติด้วย

นักวิทยาศาสตร์อื่นๆ ใช้วิธีการศึกษาจากภาพถ่ายเท่าที่หลุดเล็ดลอดออกมาตีพิมพ์ได้ ในปี 2009 ดีน ฟอล์ค นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา ในทัลลาฮัสซี ตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่ารูปแบบของแพรีทัล โหลบ และโครงสร้างของรอยหยักในสมองของไอน์สไตน์ คล้ายๆ ของนักเล่นดนตรีประเภทเครื่องสาย ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในเชิงดนตรี แต่ก็ยอมรับว่าการศึกษามีข้อจำกัดเพราะพิเคราะห์จากภาพถ่ายเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น

ฮาร์วีย์ เสียชีวิตลงเมื่อปี 2007 ต่อมาในปี 2010 ทายาทมรดกของเขายกภาพสไลด์และภาพถ่ายทั้งหมดให้กับพิพิธภัณฑ์การแพทย์และสุขภาพแห่งชาติ ที่ซิลเวอร์สปริง ในรัฐแมรี่แลนด์ เป็นที่มาของการได้ศึกษาและตรวจสอบสมองของไอน์สไตน์อย่างเต็มที่ในครั้งนี้

ฟอล์คและเพื่อนร่วมงานใช้ภาพสมองของไอน์สไตน์14ภาพแรก ที่วิเคราะห์ไปเปรียบเทียบกับสมองของคนทั่วไปอีก 85 คน และสรุปเอาไว้ว่า สมองของไอน์สไตน์ แตกต่างไปจากสมองโดยเฉลี่ยของคนทั่้วๆ ไปในหลายๆ ส่วนของสมอง มีความซับซ้อนและขรุขระมากกว่าสมองทั่วๆ ไป ที่เชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับเซลล์ประสาทของอัจฉริยะผู้นี้อีกด้วย

ธารลาวาไหลลงมหาสมุทร

ธารลาวา ออกมาจากภูเขาไฟ Kialuea ได้ไหลลงสู่มหาสมุทรที่รัฐฮาวายของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ธารลาวา ซึ่งมีลักษณะสีแดง ซึ่งไหลออกจากมาภูเขาไฟ คิลาอูลา (Kilauea) บนเกาะ Big Island ของรัฐฮาวาย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นลาวาที่ไหลลงสู่มหาสมุทร เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา และหลังจากที่ข่าวการไหลของลาวาลงสู่มหาสมุทรได้แพร่สะพัดออกไป กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปชมลาวาไหลลงมหาสมุทรอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ลาวาที่ไหลลงสู่มหาสมุทรครั้งใหม่ บริเวณด้านตะวันออกของภูเขาไฟ Kilauea แสดงให้เห็นว่า ลาวาที่อยู่ใต้พื้นดินยังมีพลัง


ปรากฏการทางธรรมชาติ "ทะเลสีเลือด"

เกิดปรากฎการณ์หาดูยากซึ่งเรียกกันว่า "สาหร่ายสะพรั่ง" สีแดงหรือการเจริญเติบโตมากผิดปกติของสาหร่ายสีแดงในน้ำ เป็นผลให้ต้องสั่งปิดชายหาดบอนไซ ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่คลื่นสีแดงเข้มถูกซัดเข้าหาฝั่ง ขณะเดียวกันเจ้าหนัาที่ยังต้องปิดชายหาดโคลเวลลี ที่อยู่ติดกัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบสภาพน้ำทั้งในและพื้นที่โดยรอบทะเลทัสมาน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ออกคำเตือนถึงนักท่องเที่ยวให้อยู่ห่างจากสาหร่ายที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา สืบเนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่มันอาจก่อปฏิกริยาต่อมนุษย์ แม้ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลียนสีนี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีพิษที่เป็นอันตราย แต่ประชาชนก็ควรหลีกเลี่ยงสัมผัสกับน้ำทะเล เนื่องจากมันมีปริมาณแอมโมเนียระดับสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองผิวหนัง





วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประวัติลอยกระทง


ประวัติวันลอยกระทงและประเพณีลอยกระทง

การลอยกระทงมีวัตถุประสงค์ด้วยกัน 2 ประการ คือ
      1. เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางท้องที่ถือว่าลอยกระทงเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในโอกาสที่พระพุทธองค์ได้ไปแสดงธรรมในนาคภิภพ และทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที (1) เพราะฉะนั้นการที่บ้านเรามีประเพณีลอยกระทง ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองก็เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในโอกาสนี้
 
      ส่วนทางเหนือนั้นมีประเพณียี่เป็ง มีทั้งลอยกระทงและลอยโคมขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งบรรจุอยู่ในจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราจึงจุดประทีป ลอยโคม ส่งใจขึ้นไปบูชาพระเขี้ยวแก้วร่วมกับพระอินทร์ที่นำหมู่เทวดาบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีในวันเพ็ญเดือนสิบสองนี้เช่นกัน

      ยี่เป็งสันทราย ได้จัดประเพณีลอยกระทง และลอยโคม ซึ่งเป็นภาพวัฒนธรรมไทยที่งดงามมากในสายตาของชาวโลก และยังได้มีการจัดลอยโคมที่มองโกเลีย และอินเดียเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วด้วย

      2. เพื่อบูชาพระแม่คงคา เป็นการแสดงการขอบคุณน้ำ เพราะมนุษย์เราอยู่ได้เพราะน้ำ ตั้งแต่โบราณมาชุมชนทั้งหลายเวลาสร้างเมือง ต่างก็เลือกติดแม่น้ำ ดังนั้นถึงเวลาในรอบ 1 ปี ก็เลือกเอาวันเพ็ญเดือนสิบสอง ระลึกว่าตลอดปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต  ขณะที่ลอยกระทงเราก็นึกถึงคุณของน้ำ ไม่ใช่ลอยเฉยๆ ต้องรำลึกว่าต้องรู้จักใช้น้ำอย่างถูกวิธี และใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ทิ้งขว้าง  ไม่ทำให้น้ำสกปรก ไม่ปล่อยของเสียลงแม่น้ำ เป็นการขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคา ไม่ใช่เป็นการไหว้เทวดาพระแม่คงคาแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดงการขอบคุณน้ำ ในฐานะที่เป็นผู้ให้ชีวิตเรา
 

ความเป็นมาของเทศกาลวันลอยกระทง 
 

คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตำนาน ดังนี้
 
1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทม สินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไป จำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทาน ทีเมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของ พระพุทธเจ้า
6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้อง ทะเลลึกหรือสะดือทะเล

ประวัติ เลดี้ กาก้า


เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986

เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี ชาวอเมริกัน เธอเป็นที่รู้จักในผลงานแนวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเธอได้รับอิทธิพลจากร็อกเกอร์ อย่างเช่น เดวิด โบวี ,ควีน เช่นเดียวกับนักร้องแนวป็อปแด๊นส์ในยุค 1980 อย่าง มาดอนน่า และจอร์จ ไมเคิล เธอเติบโตในย่านแมนฮัตตัน ที่เธอเรียนที่โรงเรียน Convent of the Sacred Heart และต่อมาเรียนต่อที่ โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่ออายุ 20 ปี เธอเริ่มทำงานในฐานะนักแต่งเพลงให้กับอินเตอร์สโคปเรคอร์ดส เขียนเพลงให้กับศิลปินอย่าง เดอะพุสซีแคตดอลส์
ในปี ค.ศ. 2008 เลดี้ กาก้า ออกผลงานชุดแรกในชื่อ The Fame ที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง "Just Dance" และ "Poker Face" ซึ่งทั้งสองซิงเกิลสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด ทำสถิติเป็นศิลปินคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่ซิงเกิล 2 ซิงเกิลแรกขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต นอกจากนี้ "Just Dance" ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

เลดี้ กาก้าเกิดที่ยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก บิดาและมารดาเป็นนักลงทุนทางอินเทอร์เน็ตเชื้อสายอิตาเลียน ในวัยเด็ก กาก้าเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ตในแมนฮัตตัน และเรียนต่อด้านดนตรีที่โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แต่ลาออกก่อนจะสำเร็จการศึกษาหลังจากยุติการเรียน กาก้าย้ายออกจากบ้าน และใช้เวลาส่วนใหญ่เตร็ดเตร่อยู่ในแมนฮัตตัน ก่อนจะได้เซ็นสัญญาในที่สุด
กาก้าเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟ แจม เมื่อมีอายุได้ 19 ปี แต่ถูกยกเลิกสัญญาในอีก 3 เดือนให้หลัง ก่อนจะเซ็นสัญญาอีกครั้งในปีเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 กับอินเตอร์สโคปเร็คคอร์ด ต้นสังกัดปัจจุบัน ในช่วงแรกนั้น กาก้าทำงานในฐานะนักแต่งเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เอค่อนจะมองเห็นถึงศักยภาพในด้านการร้องเพลงของกาก้า และคิดว่า เธอมีความสามารถเพียงพอที่จะออกผลงานเป็นของตนเองได้ กาก้าได้เริ่มทำอัลบั้มแรก The Fame ร่วมกับโปรดิวเซอร์ เรดวัน และได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 โดยเปิดตัวที่อันดับ 17 ในชาร์ตบิลบอร์ดและขึ้นสูงสุดที่อันดับ 4

กาก้ายังเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อ คริสติน่า อากีเลร่า ขึ้นแสดงเพลง "Keep Gettin' Better" ในงานประกาศผลรางวัลเอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ในภาพลักษณ์คล้ายๆกัน จนมีสื่อมวลชนวิจารณ์ว่า คริสติน่านั้นเลียนแบบภาพลักษณ์ของกาก้า ซึ่งกาก้าก็ได้ให้ความเห็นว่า เธอไม่คิดว่า คริสติน่านั้นจะเลียนแบบเธอ แต่ก็ยอมรับว่าจากเหตุดังกล่าวมีส่วนทำไห้เธอเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น และเธอเองก็รู้สึกขอบคุณ ส่วนคริสติน่าเองก็ได้ออกมาปฏิเสธ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเธอไม่รู้จักเลดี้ กาก้าด้วยซ้ำ

ชื่อ "กาก้า" นั้นได้แรงบันดาลใจมาเพลง "Radio Ga-Ga" ของ ควีน ซึ่งร็อบ ฟูซารี หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ เป็นคนตั้งให้

วิธีการพักสายตา


คนเราส่วนใหญ่จะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มากๆ มีบางครั้งล้าสายตาหรือปวดตา ทำให้เกิดการระคายเคือง ตาอักเสบ วิธีการช่วยบรรเทาการปวดตา

 1. หลับตา แล้วเกือกตาไปมา ซ้าย ขวา บน ล่าง และหลับให้นิ้งประมาณ 5 นาที

 2. ออกไปสูดอากาศหายใจจะได้ผ่อนคลายไปในตัว

 3. มองดูอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ ที่มองแล้วสบายหูสบายตา วิธีนี้ส่วนมากใช้ได้ผล 70%

 4. หาอุปกรณ์ เช่น แว่น ฯลฯ

การนวดเมื่อนั่งอยู่หน้าคอมนานๆ

ท่าที่ 1 เสยผม
ใช้นิ้วกลาง ของมือทั้ง 2 ข้าง กดขอบกระบอกตาบนบริเวณเหนือคิ้วให้แน่นพอสมควร

หลังจากนั้นค่อยๆ ดันนิ้วทั้งสามเลื่อนดันขึ้นไปบนศรีษะจนถึงท้ายทอย สำหรับท่าเสยผมควร (ทำ 10-20ครั้ง)


 
ท่าที่ 2 ท่าแป้ง
ใช้นิ้วกลางทั้งสองข้าง กดตรงหัวตา(โคนสันจมูก) ให้แน่นพอควร

ดันนิ้วขึ้นไปจนถึงหน้าผาก รวบปลายนิ้วทั้งหมดจรดกัน (เว้นนิ้วหัวแม่มือ) แล้วลูบให้แนบสนิทกับข้างแก้มลงไปย้งด้านข้างคาง (ทำท่านี้10-20ครั้ง)



ท่าที่ 3 ท่าเช็ดปาก
ใช้ ฝ่ามือขวาทาบบนปาก ให้ฝ่ามือกดแน่นกับปากพอควร ลากมือไปทางขวาให้สุด นับ1ครั้ง และเปลี่ยนใช้มือซ้ายทาบปากแล้วทำแบบเดียวกัน( ทำท่านี้10-20ครั้ง)

ท่าที่ 4 เช็ดคาง



ใช้ หลังมือขวาทาบใต้คางให้หลังมือกดแน่นกับคางพอควร แล้วลากมือจากทางซ้ายไปขวา นับเป็น 1 ครั้ง เปลี่ยนใช้มือซ้ายทำแบบเดียวกัน (ทำ10-20ครั้ง)

ท่าที่ 5 กดใต้คาง



ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างกดใต้คาง ให้ปลายนิ้วตั้งฉากกับคางใช้แรงกดพอสมควร นาน 10 นาที หรือนับ 1-10 อย่างช้าๆ เลื่อนจุดกดให้ทั่วใต้คางเฉพาะทางด้านหน้าทำ 5-10 ครั้ง)




ท่าที่ 6 ถูหน้าและหลังหู





ใช้มือแต่ละข้างคีบหูโดยกางนิ้วกลางแล้วนิ้วชี้คีบอย่างหลวมๆ วางมือให้แนบสนิทกับแก้มถูขึ้นลงแรงๆ นับเป็น1ครั้ง (ทำ20-30ครั้ง)


ท่าที่ 7 ตบท้ายทอย 




ใช้ฝ่ามือบิดหูซ้าย มือขวาปิดหูขวาให้นิ้วทั้งหมดอยู่ตรงท้ายทอย และปลายนิ้วกลางจรดกันกระดกนิ้วข้นให้มากที่สุด แล้วตบที่ท้ายทอยพร้อมกันทั่ง 2 มือด้วยความแรงพอควร (ทำ20-30ครั้ง)
*** สำหรับท่านี้ต้องไม่ยกฝ่ามือออกจากหู เพราะทำให้การตบแรงเกินควร ซึ่งอาจจะให้ผลเสียได้

เมื่อทำครบทั้ง 7 ท่า จะรู้สึกว่าผิวหน้านุ่มนวลขึ้น หัวโปร่ง เบาสบาย ตาสว่าง หายง่วงนอน รู้สึกสดสดชื้น ฯลฯ ถ้าเป็นไปได้ควรทำวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้า และ ตอนเย็น หรือทำเมื่อต้องการพักผ่อน
ข้อระวัง
- ควรตัดเล็บให้สั้น
- ไม่ควรใส่เครื่องประดับ
- ต้องทำความสะอาดใบหน้าและมือก่อนนวด
- ไม่ควรนวดเมื่อมีไข้หรือใบหน้าเป็นสิว
- ไม่ควรเร่งรีบ แต่ควรมีสมาธิและความตั้งใจในการนวด
- ระยะแรกเริ่มนวดค่อยๆ และเพิ่มแรงที่ละน้อย
- ควรนวดอย่างสม่ำเสมอและเป็นประจำ

ทฤษฎีบทพีทากอรัส


พีทาโกรัส (582 — 496 ปีก่อนค.ศ.; กรีก: Πυθαγόρας) เป็นนักคณิตศาสตร์และนักปราชญ์ชาวกรีกโบราณ, เป็นที่รู้จักในนามเจ้าของทฤษฎีบทพีทาโกรัส
พีทาโกรัสได้ชื่อว่าเป็น"บิดาแห่งตัวเลข" พีทาโกรัสไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อคณิตศาสตร์ เขายังได้สร้างสรรค์ความคิดหลายอย่างให้กับปรัชญาและศาสนา ในปลายศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ถึงทุกวันนี้ เราไม่สามารถที่จะพูดถึงชีวประวัติของพีทาโกรัสได้ด้วยความแน่นอน เพราะตำนานและเรื่องเล่าต่างๆ นานาปิดบังข้อเท็จจริงของชีวิตพีทาโกรัสมากกว่าปราชญ์ใดๆ ในยุคก่อนโสเครติส

ประวัติส่วนตัว




แนะนำเข้าของบล็อก
สวัสดีครับ
ชื่อ:ด.ช.ตะวัน  ละครจุ่น ม.2/1 เลขที่7
ชื่อเล่น:ตะวัน
โรงเรียนตากพิทยาคม